kik

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การเที่ยวแบบ Ecotourism

หนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวที่กล่าวได้อย่างเต็มปากว่าช่วยรักษาธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งได้รับความสุขจากการเดินทาง คือการท่องเที่ยวแบบ Ecotourism หรือ Green Travel ซึ่งเหมาะกับสภาวะของโลกในปัจจุบันที่เราควรร่วมมือกันประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแบบ Ecotourism หรือ Green Travel มีทั้งการเที่ยวชมธรรมชาติและศึกษาเรื่องราวของสรรพชีวิต เช่น เดินเที่ยวบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในเขตอุทยานแห่งชาติ เดินป่าระยะไกล ดูนก ดูผีเสื้อ ดูพรรณไม้ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น การเที่ยวชมฟาร์มปศุสัตว์ ไร่องุ่น เป็นต้น

พันธุ์พริกการปลูกพริก

              พริกจัดว่าเป็นพืชผักที่มีความ สำคัญทางเศรษฐกิจพืชหนึ่งของประเทศไทย  เพราะในชีวิต ประจำวันของคนไทย  สามารถจะกล่าวได้ว่าทุกครอบครัว  ทุกคนจะต้องใช้พริกในการประกอบอาหารนอกจากนั้นยังนำไป เข้าโรงงานอุตสาหกรรมได้  คือ  ซอสพริก  และยังนำไปประกอบอาหารให้มีรสเผ็ด ซึ่งคนไทยจะขาดเสียมิได้                 การปลูกพริกในประเทศไทยสามารถปลูกได้ตลอดปี  ถ้ามีน้ำ อุดมสมบูรณ์  หรือปลูกในฤดูฝนก็ได้  พริก สามารถปลูกได้ทุกภาคทุกจังหวัด  ทั้งนี้เนื่องจากพริกมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกาและมีการ แพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ  ของโลก  จังหวัดที่ปลูก พริกกันเป็นพื้นที่มาก  ได้แก่  กาญจนบุรี,  ประจวบฯ,  เพชรบุรี,  สมุทรสาคร,  สุโขทัย,  สุพรรณบุรี,  เชียงราย,  น่าน,  ลำปาง,  เชียงใหม่  ฯลฯ  พริกที่ปลูกกันได้แก่  พริกบางช้าง,  พริกสันป่าตอง,  พริกชี้ฟ้า,  พริกขี้หนูเม็ดใหญ่  เป็นต้น   พันธุ์                ในประเทศไทยพันธุ์พริกที่มีปลูก  และรู้จักกันทั่วไป อยู่ในพวกล้มลุก  มีอยู่ประมาณ  6  ชนิด               1.  พริกบางช้าง ขนาดของผล โตกว่าพริกมัน  ผลตรงกลมโคนผลใหญ่  ปลาย เรียว  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  2.5  เซนติเมตร  ยาว  10-12  เซนติเมตร  ผิวเรียบ  ผลอ่อนสีเขียว  ผลแก่สีแดงจัด  รสไม่สู่เผ็ด  มีเนื้อมาก  เมล็ดน้อย  อบแห้งสีจะแดงดี               2.  พริกขี้หนู มีขนาดต่าง ๆ กัน  ผลมีขนาดเล็ก  ผลสี เขียว  หรือเหลือง  พันธุ์ ทั่ว ๆ  ไป  ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ของท้องถิ่นต่าง ๆ  ผล แก่จะมีสีแดง  มีรสเผ็ดจัด               3.  พริกหยวก ผลโตป้อม  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง  3-4  เซนติเมตร  ยาว  8-10  เซนติเมตร  ปลายทู่ไม่เกลี้ยงบุบ เป็นร่อง  มีเมล็ดในน้อย  ใส้ ใหญ่  สีเขียวแกมเหลือง  ผล แก่สุกแดงเป็นมัน  รสไม่สู้เผ็ด  หรือ เผ็ดน้อย  ราคาแพง  ปลูกกัน น้อยกว่าพริกอย่างอื่น               4.  พริกมัน ผลมันเรียบ  ผลตรง  กลม  และเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง  0.6  เซนติเมตร  ยาว  6-8  เซนติเมตร  มี เมล็ดในมาก  เมื่ออ่อนผลจะมีสีเขียวจัด  เวลาแก่เป็นสีแดง  รสเผ็ด               5.  พริกยักษ์ ผลโตป้อม  บริเวณรอบ ๆ  ข้อผลเป็นรอยบุ๋ม  ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8  เซนติเมตร  ยาว  10-12  เซนติเมตร  มี เมล็ดในน้อย  เนื้อผลหนา  สีผลเมื่ออ่อนเขียวจัดเป็นมันเวลาแก่สีแดง  รส ไม่เผ็ด  ปลูกได้ดีในช่วงเดือนตุลาคม  เก็บเกี่ยวประมาณเดือนธันวาคม  จะได้ราคาดี               6.  พริกสิงคโปร์ ขนาดผลโต  เส้นผ่าศูนย์กลาง  1.5-2  เซนติเมตร  ยาว  8-12  เซนติเมตร  ปลาย งอหยิก  ผิวไม่เรียบ  มุมเป็นร่อง  ๆ  มีเมล็ดน้อย  ผลเมื่ออ่อนมีสีเขียวจัด  เวลาแก่เป็นสีแดง  มีรสเผ็ด พริก ปลูกได้ตลอดปี  ถ้าหากพื้นที่นั่น ๆ  มีน้ำอย่างเพียงพอสำหรับพื้นที่ ๆ  ไม่อยู่ ในเขตชลประทาน  จะปลูกพริกกันในช่วงฤดูฝนจะเริ่มเพาะกล้าประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน  และจะย้ายปลูกในเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน  แต่ถ้าจะปลูกให้ได้ราคาดีที่สุดควรจะปลูกในช่วงเดือนมกราคมถึง กุมภาพันธ์  เพราะพริกสดจะมีราคาสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม   พบว่า  พริกที่ปลูกในหน้าแล้ง  คือ  ตั้งแต่เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน  จะให้ผลเร็วกว่าพวกที่ปลูกในหน้าฝน  คือ  ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน               ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพริกได้แก่ดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ดี  การระบายน้ำดี  พริกถ้าปลูกในฤดูฝนจะมีปัญหาว่าเป็นโรคเหี่ยว  เนื่อง จากเชื้อรา  และบัคเตรีเข้าทำลาย  ควร ปลูกพริกหมุนเวียนสลับกับข้าว  ถั่ว  และพืชอื่น ๆ

พังงา สถานที่ท่องเที่ยว

แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบูรณ์ด้วยทรัพยากร พังงา คือ จังหวัดที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งบนบกและใต้น้ำ โดยเฉพาะกลุ่มเกาะสวยงามที่วางตัวเรียงรายอยู่ในทะเลอันดามัน จนพังงาได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนแห่งป่าเกาะ รวมทั้งยังมีผืนป่าชายเลนหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย พังงาเต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องราวของผู้คนหลากเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน มุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจ เช่น เกาะปันหยี เกาะยาว หมู่บ้านชาวมอแกนในบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ ชุมชนชาวเหมืองแร่ที่ตะกั่วป่า ฯลฯ นอกจากนั้น พังงายังเต็มไปด้วยแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เช่น โลกใต้น้ำของหมู่เกาะสิมิลัน ดงปะการังหลากหลายและฝูงปลาน้อยใหญ่ใต้ทะเลหมู่เกาะสุรินทร์ เขาตาปู เขาพิงกัน เกาะพระทอง ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ทำให้พังงาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเสมอมา จังหวัดพังงามีเนื้อที่ประมาณ 4,171 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศ คือ ฝั่งตะวันตกติดทะเลอันดามัน ส่วนบนบกนั้นส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา พื้นที่ป่าเป็นป่าดงดิบ สภาพภูมิประเทศที่หลากหลายและสวยงามนี้เองที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มเกาะ เช่น หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทอื่น คือ หาดทรายชายทะเล ป่าดิบ ป่าชายเลน น้ำตก และโถงถ้ำ พังงาเริ่มต้นความเป็นมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หลักฐานที่ขุดค้นพบมีทั้งเครื่องมือหิน ภาพเขียนสีในถ้ำ อาวุธที่ทำจากกระดูกสัตว์ ภาชนะดินเผา ฯลฯ หลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่สนับสนุนว่าพังงาเป็นเมืองเก่าแก่ คือเครื่องปั้นดินเผาและกำไลหิน อายุ 3,000-4,000 ปี ที่พบในถ้ำสุวรรณคูหา ในสมัยประวัติศาสตร์ พบหลักฐานว่า ชาวกลิงคราฐหลบหนีการโจมตีของพระเจ้าอโศกมหาราชอยู่ในบริเวณริมทะเลแถวเมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และถลาง ครั้นถึง พ.ศ. 300 ชาวอินเดียที่หนีมาได้นำศิลปวัฒนธรรมมาด้วย โดยมีการพบรูปสลักหินพระลักษมณ์ พระราม และนางสีดา ในบริเวณเมืองเก่าของตะกั่วป่า และในหนังสือมิลินทปัญหา ชาวอินเดียเรียกตะกั่วป่าว่าตะโกลา หรือตกโกล ซึ่งแปลว่าลูกกระวาน ปัจจุบันนี้คนเฒ่าคนแก่ก็ยังเรียกบริเวณนี้ว่าเมืองตะโกลา ล่วงมาจนถึงสมัยอยุธยา พังงามีฐานะเป็นเมืองแขวง ขึ้นอยู่กับเมืองตะกั่วป่า จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 1 ได้รับการยกฐานะให้เป็นเมืองเทียบเท่าเมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 2 พม่ามาตีเมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และถลาง จึงมีการย้ายผู้คนมาอยู่ที่ตำบลกราภูงา ซึ่งอยู่ตรงปากน้ำพังงา และตั้งชื่อเมืองว่าภูงา ขึ้นกับเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งต่อมาคำว่าภูงาเพี้ยนเป็นพังงา จนถึงสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพังงา ตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ขึ้นตรงกับกรุงเทพฯ กระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 มีการยุบเมืองตะกั่วป่าขึ้นกับเมืองพังงา หลังจากนั้น พังงาก็ได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดในสมัยรัชกาลที่ 6 ทว่าช่วงที่เมืองรุ่งเรืองอย่างที่สุดนั้นอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะกิจการเหมืองแร่ดีบุกในพังงาเจริญก้าวหน้ามาก หลังจากหมดยุคเหมืองแร่ พังงาก็กลับสู่ความเงียบสงบ กระทั่งกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์เลือกอ่าวพังงาเป็นฉากถ่ายทำเมื่อปี พ.ศ. 2517 ความงดงามของภูมิประเทศจึงถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก จากวันนั้นเอง พังงาก็เติบโตขึ้นในฐานะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่งดงาม จังหวัดพังงาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมืองพังงา อำเภอกะปง อำเภอเกาะยาว อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอตะกั่วป่า อำเภอทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง

บัวลอยน้ำขิง

วิธีทำ           ให้นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้ามาผสมกันจากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำทีละน้อย แล้วนวดแป้งไปเรื่อยๆ สลับกับการใส่น้ำจนน้ำหมด นวดจนกว่าเนื้อแป้งเข้ากันดีเนียนนุ่มแล้วพักไว้ หันมาตั้งกระทะบนไฟอ่อนๆ เพื่อคั่วงาจากนั้นเทน้ำตาลลงไปกวนด้วยจนเป็นเนื้อ เดียวกันได้ที่แล้วยกลงจากเตาพักไว้ แล้วกลับมาปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลมขนาดเท่าลูกปิงปองแผ่แป้งออกเตรียมใส่ไส้           สำหรับขั้นตอนการใส่ไส้ถือได้ว่าเป็นหัวใจของการทำบัวลอยน้ำขิงเลยก็ว่าได้ เพราะการใส่ไส้ที่ดีจะต้องให้พอเหมาะกับแป้ง ส่วนแป้งก็ไม่ควรจะหนาเกินไปเมื่อห่อได้ตามต้องการแล้วก็นำลงไปต้มในน้ำ สะอาดเมื่อสุกสังเกตเนื้อแป้งจะใสจนสามารถมองเห็นไส้ที่ซ่อนอยู่ข้างในได้ ลางๆ           จากนั้นก็หันมาต้มน้ำขิงต่อน้ำขิงก็แล้วแต่ชอบใจชอบเผ็ดก็ไม่ต้องเติมน้ำตาล ชอบหวานก็เติมน้ำตาลลงไป ตักบัวลอยใส่ถ้วยนำน้ำขิงราดลงไปก็เป็นอันเสร็จ ส่วนใครที่เห็นว่ายุ่งยากหากจะซื้อบัวลอยน้ำขิงกินก็สุดแท้แต่ความสะดวก

ฝึกงานที่นี้แหละซัมเมอร์นี้แหละ

ยินดีต้อนรับสู่โรงแรม อัปสรา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา (Apsaras Beach Resort And Spa) ซึ่งเป็นโรงแรมในพังงา ประเทศไทย นอกจากบรรยากาศที่ทำให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ที่อัปสรา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ยังมีบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอด ที่ถูกการันตีด้วย มาตรฐานของโรงแรมระดับ 4 ดาว ทำให้ท่านสามารถวางใจได้ว่าการพักผ่อนของท่านที่ครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งใดๆ

สูตรขนมจีนน้ำยาปลาช่อน

สูตรขนมจีนน้ำยาปลาช่อน   ทุกคนที่เคยกินขนมจีนน้ำยาต่างๆ จะสังเกตุเห็นว่าในน้ำยาขนมจีนนั้นจะผสมเครื่องเทศไทย มากมายหลายชนิด ซึ่งจะช่วยให้น้ำยานั้น มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน และทั้งยังเป็นสมุนไพรมีสรรพคุณรักษาโรคต่าง ๆ อีกด้วย   เครื่องปรุงน้ำยากะทิ : เครื่องน้ำพริก       เครื่องปรุง   พริกแห้ง 50 กรัม         มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม กระเทียม 100 กรัม  (คั้นหัวกะทิ 2 ถ้วย หาง 8  ถ้ว ย)   ตะไคร้ 50 กรัม        น้ำปลา 1/2 ถ้วยตวง ปลาช่อน 1 กิโลกรัม        น้ำปลาร้าหรือ 1/2 ถ้วยตวง หัวหอม 100 กรัม        ปลาอินทรีย์เค็ม 1/4 ถ้วยตวง ข่า 2 ช้อนโต๊ะ        ขนมจีน 2 กิโลกรัม กระชาย 500 กรัม   น้ำสำหรับต้มปลา 6 ถ้วยตวง วิธีปรุงน้ำยา :        1. เตรียมเครื่องน้ำพริกทั้งหมดลงต้มพร้อมน้ำเปล่า พอเดือดใส่ปลาที่ล้างสะอาดแล้วลงต้มให้             สุก ตักเครื่องน้ำพริกและปลาขึ้น แกะก้างและหนัง  โขลกเนื้อปลาให้ละเอียดพักไว้         2.โขลกเครื่องน้ำพริกที่ตักขึ้นพักไว้ให้ละเอียด  ใส่น้ำต้มปลาละลายเครื่องน้ำพริก กรองเอาแต่            น้ำพริกข้น ๆ ไม่ใช้กาก ทำเช่นนี้ 2 - 3 ครั้งจน น้ำพริกสีจาง         3.ใส่น้ำพริกผสมกับหัวกะทิตั้งไฟพอเดือด ใส่เนื้อปลา เติมหางกะทิ น้ำปลา น้ำปลาร้า เคี่ยวไฟ             อ่อน จนน้ำยาเริ่มข้น ชิมรส         4. รับประทานกับผักเหมือด เช่น ถั่วงอก ผักกาดดอง ถั่วฝักยาว ผักกระเฉด พริกป่น ไข่ต้ม ฯลฯ

แกงมัสมั่นไก่

สูตรอาหาร วิธีทำ แกงมัสมั่นไก่ หมวด: อาหารการกิน, อาหารไทย, วิธีทำอาหาร, สูตรอาหาร, เมนูอาหาร ส่วนผสม เนื้อไก่อก 1 กิโลกรัม มะพร้าวขูด 7 ขีด ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น ข่าหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่า 1 ช้อนโต๊ะ ลูกกระวาน 5 เม็ด ใบกระวาน 5 ใบ กานพลู 5 ต้น ดอกจ้นทร์ 1 ดอก อบเชยป่น ส่วนผสมเครื่องแกง : พริกไทยป่น 20 เม็ด พริกแห้งเม็ดใหญ่ 30 เม็ด กระเทียม 1 ขีด หอมแดง 1 ขีด กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสง 1 ถ้วย น้ำมะขามเปียกคั้น ประมาณ 5 ฝัก น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ หอมใหญ่ มันฝรั่ง ตามชอบ วิธีทำ โขลกเครื่องแกง ( พริกไทยป่น, พริกแห้งเม็ดใหญ่,กระเทียม, หอมแดง, กะปิ ) เข้าด้วยกัน นำไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นใหญ่พอสมควร คั้นกะทิด้วยน้ำอุ่น แบ่งเป็นหัวกะทิ และหางกะทิ นำไก่ที่ล้างเตรียมไว้ ต้มกับหางกะทิบนเตาไฟแรงปานกลางจนเปื่อยรอไว้ นำเครื่องแกงที่โขลกได้ที่ ผัดกับหัวกะทิที่คั้นไว้จนมีกลิ่นหอม  นำเนื้อไก่ที่ต้มในหางกะทิจนเปื่อยใส่ลงมาผัดให้เข้ากัน เติมหอมใหญ่และมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ ให้ออกรสหวานและเปรี้ยวนำ เติมถั่วลิสง ลิงก์ผู้สนับสนุน